ดีปลี (Long Pepper) มีชื่อท้องถิ่นอื่นอีกคือ:
ดีปลีเชือก (ภาคใต้) ประดงข้อ ปานนุ (ภาคกลาง)
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Plantae
ไม่ถูกจัดอันดับ: Angiosperms
ไม่ถูกจัดอันดับ: Magnoliids
อันดับ: Piperales
วงศ์: Piperaceae
สกุล: Piper
สปีชีส์: P. longum
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ดีปลีเป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ใบรูปไข่ โคนมน ปลายแหลม เป็นพืชใบเดี่ยว
คล้ายใบย่านางแต่ผิวใบมันกว่า บางกว่าเล็กน้อย ดอกเป็นรูปทรงกระบอกปลายมน
เมื่อแก่จะมีผลเป็นสีแดง
ไม้เถารากฝอยออกบริเวณข้อเพื่อใช้ยึดเกาะ ใบ เดี่ยวรูปไข่แกมขอบขนาน
กว้าง 3-5 ซม. ยาว 7-10 ซม. สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก ช่อ ออกที่ซอกใบ
ดอกย่อยอัดกันแน่น แยกเพศ ผล เป็นผลสด มีสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
รสเผ็ดร้อน
การปลูกเลี้ยง
นิยมปลูกโดยการใช้เถา ชอบดินร่วนและอุดมสมบรูณ์ ทนแห้งแล้งได้ดี
ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกก็คือฤดูฝน เวลาปลูกใช้เถาที่ชำจนรากงอกแล้วปลูก
แล้วทำเสาให้เลื้อย ควรดูแลเรื่องน้ำและศัตรูพืชด้วย
ดีปลีเป็นสมุนไพรที่ใช้มากในอุตสาหกรรม ยาแผนโบราณประมาณ 5000 - 7000 กิโลกรัม/ปี
ปลูกได้ดีในภาคกลางของประเทศไทย นับว่าเป็นพืชสมุนไพรตัวหนึ่งที่อยู่ในแผน
พัฒนาเพื่อส่งเป็นสินค้าออก
ประโยชน์
ดีปลีตากแห้งใช้ผลแก่แห้งเป็นยา
โดยเก็บช่วงที่ผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก ตากแดดให้แห้ง มีรสเผ็ดร้อน ขม มีสรรพคุณขับลม
บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด ซึ่งจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ดีปลีแห้งประกอบด้วย " อัลคาลอยด์"
ชื่อว่า Piperine ประมาณ 4 - 6%
chavicine, น้ำมันระเหยหอม 1% ตามรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า
ดีปลีใช้ประกอบตำรับยาที่ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ท้องอืดเฟ้อ
ธาตุไม่ปกติ ทั้งนี้เพราะดีปลีมีน้ำมันหอมระเหยผลแก่แห้งของดีปลี
ใช้เป็นยารักษาอาการดังนี้ อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการปวดท้อง
รวมทั้งแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ที่เกิดจากธาตุที่ไม่ปกติ โดยการใช้ผลแก่แห้ง 1
กำมือ (ประมาณ 10-15 ดอก) ต้มเอาน้ำมาดื่ม
ถ้าไม่มีดอกก็ให้ใช้เถาต้มแทนได้อาการไอและมีเสมหะ ใช้ผลแก่แห้งประมาณครึ่งผล
ฝนกับน้ำมะนาวผสมเกลือกวาดในลำคอหรือจิบบ่อยๆ นอกจากนี้
ผลดีปลีแห้งสามารถใช้เป็นเครื่องเทศประกอบอาหารต่างๆได้
ปัจจุบันดีปลีใช้น้อยในอาหารยุโรป
แต่ยังใช้ในอาหารอินเดียและอาหารเนปาล อาหารแอฟริกาเหนือบางชนิดใช้ผสมในเครื่องเทศ
และใช้ในอาหารมาเลเซียและอินโดนีเซีย ร้านขายของชำในอินเดียจะเรียกว่า pippali ซึ่งเป็นเครื่องเทศหลักของนีหารีซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของปากีสถาน
ดีปลีมีสารเคมีชื่อพิเพอร์โลกูมีน
สรรพคุณ
ราก - แก้พิษอัมพฤกษ์ อัมพาต พิษปัตคาด แก้ตัวร้อน
แก้พิษคุดทะราดให้ปิดธาตุ แก้ท้องร่วง ขับลม
ในลำไส้ แก้คุดทะราด
เถา - แก้พิษงู ขับเสมหะ แก้ปวดฟัน
ปวดท้อง จุกเสียด แก้เสมหะพิการ แก้ลมอัมพฤกษ์ แก้มุตฆาต
ใบ - แก้ปวดเมื่อย แก้เส้นเอ็น
ดอก - แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน
แก้จุกเสียดแน่นท้อง ขับลมในลำไส้ให้ผายและเรอ แก้หืด ไอ แก้ริดสีดวง คุดทะราด
แก้ลมวิงเวียน แก้เสมหะ น้ำลายเหนียว แก้ไอ บำรุงธาตุ แก้ท้องเสีย แก้ปถวีธาตุ 20
ประการ แก้อัมพาต และเส้นปัตคาด
ผลแก่จัด - รสเผ็ดร้อน แก้ลม
บำรุงธาตุไฟ แก้หืดไอ แก้เสมหะ(หลังเป็นหวัด) แก้หลอดลมอักเสบ ยาขับระดู ยาธาตุ
ทาแก้ปวดเมื่อยและอักเสบของกล้ามเนื้อ แก้อาการท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อแน่นจุกเสียด
ขับลม บำรุงธาตุ
ใช้ประกอบตำรายาที่ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ธาตุไม่ปกติ
(ใช้เป็นยาขับลม แต่ไม่นิยมใช้ โดยมากนำมาเป็นเครื่องเทศ)
วิธีและปริมาณที่ใช้
อาการท้องอืด
ท้องเฟ้อ และปวดท้อง
และแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากธาตุไม่ปกติโดยใช้ผลดีปลีแก่แห้ง 1 กำมือ
(ประมาณ 10-15 ผล) ต้มเอาน้ำดื่ม ถ้าไม่มีผลใช้เถาต้มแทนได้
อาการไอ และขับเสมหะ
ใช้ผลแห้งแก่
ประมาณครึ่งผล ฝนกับน้ำมะนาวแทรกเกลือเล็กน้อย กวาดคอ หรือจิบบ่อยๆ
ผลดีปลีแห้งใช้เป็นเครื่องเทศ
ประกอบอาหาร มีรสเผ็ดร้อน ขม
สารเคมีที่พบ
มีน้ำมันหอมระเหย และแอลคาลอยด์ ชื่อ P-Methoxy acetophenone, Dihydrocarveol, Piperine,
Pipelatine Piperlongumine, Sylvatine และ Pyridine alkaloids อื่นๆที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5
: http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_06_3.htm
รากดีปลี
เถาดีปลี
ใบดีปลี
ดอกดีปลี
ผลดีปลี






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น